เสรีภาพในการนับถือศาสนาของคนไทยในประเทศไทย

picture

ศาสนาเป็นสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจให้คนทุกคนบนโลกใบนี้สามารถดำเนินชีวิตไปได้ด้วยความมีหลักอะไรบางอย่างที่พึงให้รู้จักผิดชอบชั่วดีถึงสิ่งที่ได้คิด กระทำ ลงไปในแต่ละวัน เป็นคำสั่งสอนที่ถูกบอกเล่ากันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลยาวนาน โลกของเราหากวัดกันจริงทั้งศาสนา ลัทธิ หรือความเชื่อต่างๆ มีอยู่ด้วยกันมากมายเกินกว่าที่จะรู้ว่าเยอะขนาดไหน เพราะบางพื้นที่ก็มีความเชื่อที่คนอื่นอาจมองว่าแปลก แต่สำหรับพวกเขามันเป็นเรื่องปกติ ถึงกระนั้นหากไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใครก็ย่อมไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว สำหรับประเทศไทยเองแม้ว่าพระพุทธศาสนาจะเป็นศาสนาประจำชาติ ทว่าประเทศของเราก็ยังมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาของคนไทยโดยไมได้จำกัดอยู่เพียงแค่ศาสนาเดียวเท่านั้น

เสรีภาพในการนับถือศาสนาของคนไทยในประเทศไทยของเรา

จริงๆ แล้วเสรีภาพทางศาสนาไม่ว่าจะเป็นการปกครองด้วยระบบอะไรก็ตามต่างก็ให้ความสำคัญกับเสรีภาพในด้านการนับถือศาสนาเป็นอย่างมาก ซึ่งเสรีภาพดังกล่าวต้องตั้งอยู่บนพื้นฐาน 2 ประการ ประกอบไปด้วย

  1. เสรีภาพในการนับถือศาสนาเป็นสิทธิ์ที่เกิดตามธรรมชาติจะไม่สามารถละเมิดกันได้ เป็นสิทธิ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ต่อมนุษย์ทุกๆ คนที่ต้องการให้คุ้มครองและการรับรอง
  2. เป็นหลักความจริงที่ว่าเสรีภาพในศาสนาใครก็ไมมีสิทธิ์ใช้เสรีภาพเหนือผู้อื่น ทุกคนต่างก็มีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน รัฐเองต้องมีหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวม จึงจำเป็นต้องมีการเข้ามาเพื่อจัดระเบียบเรื่องของการใช้เสรีภาพทางศาสนาของประชาชน รวมถึงยังเป็นการป้องกันไม่ให้การใช้เสรีภาพของคนๆ หนึ่งต้องไปกระทบกับคนๆ หนึ่งด้วย

คนทุกคนย่อมมีเสรีภาพสมบูรณ์ในการเลือกนับถือศาสนาใดก็ตาม นอกจากนี้ยังมีเสรีภาพในการที่จะปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาที่ตนเองนับถือได้ด้วยหากว่าไม่ได้เป็นการผิดกฎหมายบ้านเมือง การใช้เสรีภาพดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่รัฐยังสามารถคุ้มครองให้กับการกระทำที่ไม่ได้ขัดต่อความดีงามเนื่องจากว่าแต่ละศาสนาบางครั้งก็มีอะไรที่แตกต่างกันออกไปโดยที่คนไมได้นับถือศาสนาดังกล่าวอาจไม่เข้าใจ แต่ทุกอย่างก็ถูกย้อนกลับไปในเรื่องเดิมอีกครั้งที่ว่าหากไม่ได้มีการละเมิดหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อบ้านเมืองคนไทยทุกคนก็สามารถนับถือศาสนาที่ตนเองต้องการได้ เป็นเสรีภาพที่ถูกเปิดกว้างอย่างเต็มที่โดยไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะรู้สึกแตกแยกหรือมีปัญหาใด หากว่าเรายังคงใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงและความถูกต้องต่อสิ่งที่กระทำ